วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

บริษัท ขนส่ง จำกัด




บริษัท ขนส่ง จำกัด
เสนอ
อาจารย์ นพศักดิ์ ตันติสัตยานนท์

จัดทำโดย

นาย ภัทรรักษ์     บุตรไทยเล็ก        2521031441113
                                            นาย นพดล          แพนเดช               2521031441107
นาย  เชาวลิต       เหมนแก้ว            2521031441104

คณะอุสาหกรรมและเทคโนโลยี

สาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นปีที่ 3

ความเป็นมา
บริษัท ขนส่ง จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2473 ในชื่อบริษัทเดินอากาศ จำกัด โดยเป็นผู้บุกเบิกริเริ่มการบินพาณิชย์ในประเทศเป็นรายแรก และเดินรถยนต์โดยสารสายกรุงเทพฯ ลพบุรี กรุงเทพฯ ปราจีนบุรี ต่อมาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเป็นรัฐวิสาหกิจ และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ขนส่ง จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2481
ปี พ.ศ. 2490 รัฐบาลแยกกิจการบินภายในประเทศออกจากบริษัทฯ ต่อมาปี พ.ศ. 2491 บริษัทเริ่มกิจการเดินเรือโดยมีเรือทั้งสิ้น 48 ลำ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2500 กิจการเดินเรือทั้งสิ้นจำนวน 18 สายและมี 4 สาขา คือสาขา ท่าเตียน สาขาปากน้ำโพ นครสวรรค์ สาขาแปดริ้ว และสาขาอยุธยา อย่างไรก็ตามการสร้างเขื่อนชัยนาททำให้แม่น้ำเจ้าพระยาบางตอนตื้นเขิน ทำให้การเดินเรือไม่สะดวก บริษัทฯจึงเลิกเดินเรือในปีนั้นเอง
ช่วงเวลาดังกล่าว ราชการยังมิได้ดำเนินการควบคุมหรือจัดระเบียบการเดินรถโดยสารประจำทางของประเทศ การเดินรถโดยสารระส่ำระสายมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด  เนื่องจาการขับรถเร็วและแซงเพื่อแย่งผู้โดยสารทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างพนักงานประจำรถหรือผู้ประกอบการ จึงมีการแสวงหาการคุ้มครองกิจการตนเองจากผู้มีอิทธิพล ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ในปี 2502 รัฐบาลในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น จึงมอบสัมปทานเส้นทางการเดินรถโดยสารหมวด 2 ในเขตสัมปทาน 25 จังหวัดให้บริษัท ขนส่ง จำกัดแต่เพียงรายเดียว อีกทั้งมอบหมายให้เป็นแกนกลางในการนำรถโดยสารของเอกชนเข้ามาร่วมกับบริษัทฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดระเบียบการเดินรถโดยสารให้เป็นระเบียบและเป็นธรรมแก่เจ้าของรถโดยสารทุกรายที่เข้าร่วม ทั้งนี้เพื่อควบคุมดูแลเจ้าขอรถโดยสารให้บริการที่ดีแก่ประชาชน
ระหว่าง ปี พ.ศ. 2502-2511  บริษัท ขนส่ง จำกัดพยายามชักจูงบริษัทเดินรถโดยสารเอกชนรายใหญ่เข้าสู่ระบบรถร่วม โดยให้ดำเนินการเดินรถอยู่ในกฎข้อบังคับของทางราชการภายใต้เครื่องหมายของบริษัทฯ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหารถโดยสารผิดกฎหมายได้  แม้ในช่วงแรก บริษัทฯยังไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐที่ได้รับมอบหมาย และประสบขาดทุนอย่างหนัก ระหว่างปี พ.ศ. 2502 ถึงปี พ.ศ. 2504  อย่างไรก็ตามบริษัทฯ พยายามปรับปรุงทั้งด้านการบริหารจัดการภายในและการให้บริการ จนกระทั่งผลการดำเนินงานเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2505 ถึง 2516  ทำให้มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจนสามารถจ่ายโบนัสได้เป็นครั้งแรก
                   
ระหว่าง ปี พ.ศ. 2522 ถึง 2531 เป็นช่วงที่บริษัทฯจัดระเบียบการเดินรถโดยสารของบริษัทฯและรถร่วมพร้อมกับให้เกิดความเป็นธรรม ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการรวมตัวกันของเจ้าของรถโดยสารรายย่อยตามความเหมาะสมของแต่ละกลุ่ม แต่ละเส้นทาง และแต่ละภูมิภาค ซึ่งเป็นผลให้ผู้ประกอบการรถร่วมมีการรวมตัวกันอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อปี พ.ศ. 2523 ในนามของสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร



วันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2541 พิธีเปิดอย่างเป็นทางการของอาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร มีพื้นที่ใช้สอย 27,000 ตารางเมตร ใช้แทนอาคารหลังเดิม  เป็นอาคาร 4  ชั้น  ออกแบบได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้โดยสาร   และมีจุดอำนวยความสะดวกครบครัน
 ปี พ.ศ. 2546 บริษัท ขนส่ง จำกัด  มีแผนขยายเส้นทางเดินรถข้ามประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้า การลงทุน ที่รัฐบาลหมายจะให้ไทยเป็นประตูสู่อินโดจีน  ในปี 2547 รถโดยสารระหว่างประเทศไทย - สปป.ลาว เส้นทางหนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์ และเส้นทางอุดรธานี-นครหลวงเวียงจันทน์                ก็เริ่มเปิดให้บริการ  ในปี 2548  เส้นทางที่ 3 สายอุบลราชธานี-ปากเซ   ในปี 2550 เส้นทางที่ 4 สายมุกดาหาร-สะหวันนะเขต  ในปี 2551  เส้นทางที่ 5    ขอนแก่น นครหลวงเวียงจันทน์ และ ในปี 2552   เส้นทางที่ 6 นครราชสีมา นครหลวงเวียงจันทน์ และในอนาคตอันใกล้นี้บริษัท ขนส่ง จำกัด จะเปิดเดินรถเพิ่มอีก 5 เส้นทาง คือ นครพนม เมืองท่าแขก , เชียงใหม่ แขวงหลวงพระบาง , อุดรธานี หนองคาย เมืองวังเวียง , กรุงเทพฯ –   ปากเซ , เชียงราย เชียงของ บ่อแก้ว และได้ขยายเส้นทางในเส้นทางที่ 6 เป็นกรุงเทพฯ นครหลวงเวียงจันทน์ โดยให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นจุดจอดระหว่างทาง

                ปี พ.ศ. 2551 บขส. มีการจัดทำมาสค๊อต เพื่อใช้สำหรับการร่วมในกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ประชาชนรู้จักบริษัท ขนส่ง จำกัดเพิ่มขึ้น ซึ่งมาสค๊อต มีชื่อว่า เซฟตี้ และเซฟตังค์
  ปี พ.ศ.2552 บริษัทฯได้ทำการปรับเปลี่ยนสัญลักษณ์ใหม่ของ บขส. ให้มีรูปแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น จากปีกปรับมาใช้ลายเส้นการเคลื่อนไหว ทำให้สัญลักษณ์ บขส. ดูอ่อนโยน มีความเป็นกันเองใกล้ชิดลูกค้ามากยิ่งขึ้น
  ความหมายของสัญลักษณ์ใหม่ประกอบด้วยเส้น 3 สี
          เส้นสีส้ม เป็นเส้นที่แสดงถึงรากฐานของสัญลักษณ์นี้และสื่อถึงเส้นโค้งของรถบัส และเส้นสีส้มเป็นสีของ บขส. และมีความหมายว่า บขส.เป็นองค์กรในการให้บริการการขนส่ง การเดินรถอย่างมั่นคง  มาเป็นเวลายาวนาน
          เส้นสีฟ้า เป็นการสื่อถึงการพัฒนาต่อเนื่องและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเป็นสำคัญและการพัฒนาจากรถส้มมาเป็นรถปรับอากาศ
          เส้นสีชมพู เป็นสีที่หมายถึงความเป็นมงคล สิ่งดีงาม สื่อถึง บขส. เป็นองค์กรที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมอย่างต่อเนื่อง
           ตัวหนังสือ บขส. สีส้ม ใช้ Font ที่มีความหนา เพื่อสื่อถึงความหนักแน่น มั่นคงขององค์กรแห่งนี้ 
ปี พ.ศ. 2553 เป็นอีกปีหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนั่นคือ บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลรับรถตู้โดยสารเป็นจำนวนประมาณ 6,000 คันเข้าสู่ระบบรถร่วม ทั้งนี้ ทำให้เกิดผลดีคือเพื่อควบคุมดูแลให้เจ้าของรถโดยสารให้บริการที่เป็นมาตรฐานมากขึ้นอันจะทำให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น
 ปี พ.ศ. 2554 บริษัทฯ มีการเปิดเดินรถในจังหวัดที่  77  ในเส้นทาง กรุงเทพฯ บึงกาฬ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2554

จากอดีตถึงปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่ราชการมอบหมายและเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการบริหารบริษัทในการให้บริการแก่ประชาชน นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2527 บริษัทฯสามารถดำเนินกิจการประสบผลกำไรอย่างต่อเนื่องมาตลอด แม้กำไรไม่สูงมากนักแต่อยู่ในระดับที่สามารถปรับปรุงการบริการและเลี้ยงตนเองได้ โดยคาดหมายว่าการบริหารจัดการและการบริการที่มุ่งเน้นปรับปรุงและพัฒนามาโดยตลอดจะส่งผลให้บริษัทฯมีความพร้อมที่จะรับกระแสการเปลี่ยนแปลงทีเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมั่งคงต่อไป

โครงสร้างองค์กร

 


 
วิสัยทัศน์
เป็นผู้ให้บริการขนส่งผู้โดยสารทางถนนระหว่างเมืองด้วยความเป็นเลิศ
ภารกิจหลัก
ภารกิจหลักของบริษัท ขนส่ง จำกัด แบ่งได้ 4 ประการดังนี้

1.พัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นในด้านความปลอดภัยความสะดวกสบาย  ความตรงต่อเวลา และความทันสมัย ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด   ทั้งธุรกิจเดินรถและธุรกิจสถานี
2.สร้างความประทับใจและตอบสนองความต้องการผู้ใช้บริการ จัดบริการเดินรถ ให้มีลักษณะโครงข่าย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและเชื่อมต่อระหว่างประเทศ พัฒนาสถานีและศูนย์ซ่อมบำรุงในลักษณะที่ครบวงจร
3.รักษาสิทธิที่พึงมีของผู้โดยสาร รวมถึงให้การคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารและบุคคลที่สาม โดยยกระดับมาตรฐานในการกำกับดูแลทั้งรถบริษัทฯและผู้ประกอบการรถร่วม
4.บริหารกิจการโดยยึดถือประโยชน์ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยการจัดระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว เพิ่มศักยภาพบุคลากร สร้างความได้เปรียบในเชิงต้นทุน และนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อนำไปสู่การบริการที่มีคุณภาพและสามารถแข่งขันได้
นโยบายและกลยุทธ์ที่สำคัญในอนาคต
ยุทธศาสตร์
1. การให้บริการที่ครบวงจร ตลอดจนบริการที่เกื้อหนุนกันในเชิงบูรณาการระหว่างธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้เกิด Economy of Scope รวมทั้งการยกระดับมาตรฐานรถร่วมรายย่อย
2. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันจากการแข่งขันในรายเส้นทางให้เป็นการแข่งขัน ที่ใช้โครงข่าย (Network) เป็นตัวนำในการดำเนินธุรกิจ
3. สร้างคุณภาพการบริการระดับมาตรฐาน โดยมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยและความพึงพอใจและผู้รับบริการ
4.ส่งเสริมและพัฒนากลยุทธ์ด้านการตลาดในธุรกิจหลักและธุรกิจสาขาอื่น
5. ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและทรัพยากรมนุษย์ เป็นปัจจัยสร้างความสามารถในการแข่งขัน (IT and HR Driven Organization)
6. การพัฒนาระบบการบริการจัดการ เพื่อเพิ่มมูลค่าองค์กรบนพื้นฐานการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพตามหลักธรรมา ภิบาล
7. การให้ความสำคัญระบบการเดินรถ รวมถึงการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

กลยุทธ์
1. กลยุทธ์ธุรกิจเดินรถ
- พัฒนาคุณภาพบริการให้ดีกว่าคู่แข่งในภาพรวม
- สร้างความยืดหยุ่นในการเดินรถโดยมีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
- เป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานบริการ PSO
- ปรับเปลี่ยนระบบการจัดหาที่สร้างมูลค่าเพิ่มและได้เปรียบในเชิงต้นทุน
- ปรับปรุงเส้นทางเดินรถที่สนับสนุนการเดินรถในลักษณะเชื่อมโยงบนโครงข่าย
- ปรับเปลี่ยนรถโดยสารที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นรถโดยสารที่ใช้พลังงานธรรมชาติ

2. กลยุทธ์ธุรกิจจัดการเดินรถ
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการกำกับดูแลการเดินรถ
- ปรับกฎเกณฑ์การกำกับดูแลเพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและการพัฒนาของตลาด

3. กลยุทธ์ธุรกิจบริหารสถานี
- ดำเนินการใช้เชิงรุกเพื่อขยายขอบเขตสถานีให้ครอบคลุมทั่วประเทศในระยะยาว
- สร้างมูลค่าเพิ่มโดยบริหารสินทรัพย์ภายในสถานีและย่านสถานีอย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างศูนย์กลางการขนส่งผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
- ปรับปรุงสถานีให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมภาพลักษณ์ บขส.

4. กลยุทธ์ธุรกิจซ่อมบำรุง
- พัฒนาเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพครบวงจรซึ่งมีการประกันคุณภาพ
- สร้างความได้เปรียบในเชิงต้นทุนจากการใช้ระบบ Supply Chain Management
- ให้บริการด้วยอุปกรณ์และระบบที่ทันสมัย
- ทำสัญญาเป็นผู้ให้บริการตรวจสภาพและซ่อมบำรุงระยะยาวแก่ บขส. และผู้ประกอบการรถร่วม
วัตถุประสงค์ของบริษัทขนส่ง จำกัด
1. เป็นผู้นำส่วนแบ่งการตลาดในเส้นทางที่สำคัญ
2. มีจำนวนผู้โดยสารและจำนวนรถโดยสารที่เข้ามาใช้สถานีที่เป็นศูนย์กลางประเภท Hub หรือ Gateway เพิ่มมากขึ้น
3. มีการขยายฐานธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้โดยสารและสร้างความพึงพอใจของผู้โดยสารให้ เพิ่มมากขึ้น
4.สามารถสร้างให้เกิด Customer Loyalty ทั้งในส่วนของการบริการเดินรถ สถานีและการบริการอื่น ๆ
5. เร่งใช้พลังงานทดแทนน้ำมัน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
6. พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อรองรับกระบวนการทางธุรกิจและบริการที่สำคัญและมีข้อมูลในการ ตัดสินใจบริหารที่ทันต่อเหตุการณ์
7. พัฒนาความสามารถของบุคลากรให้สอดรับกับความต้องการทางธุรกิจ
ขอบเขตการดำเนินธุรกิจของบริษัทขนส่ง จำกัด
                บริษัทขนส่ง จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดของกระทรวงคมนาคม ดำเนินการในด้านการบริการขนส่งผู้โดยสารโดยรถประจำทางระหว่างกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ระหว่างจังหวัดและภายในจังหวัดและให้เอกชนเข้ามามีส่วนดำเนินการในรูปของรถ ร่วมเอกชน วิ่งในเส้นที่ บขส. ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง จากการที่รัฐบาลได้มอบหมายให้บริษัทขนส่ง จำกัด ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการจัดระเบียบการเดินรถทั้งของบริษัทเองและรถร่วมให้ เป็นระเบียบ รวมทั้งการให้บริการด้านสถานีขนส่งผู้โดยสารทำให้สามารถแบ่งขอบเขตการดำเนิน งานธุรกิจได้ เป็น 3 ธุรกิจ คือ
     1. การเดินรถบริษัท
     2. รถร่วมเอกชน
     3. สถานีขนส่ง

1. การเดินรถบริษัท
                เส้นทางที่ บขส.วิ่งเองมีเพียงส่วนน้อยในขณะที่เส้นทางที่ บขส. วิ่งร่วมกับรถร่วมมีถึงเกือบ 100 เส้นทางโดยเส้นทางที่ บขส.วิ่งเองนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางระยะทางไกลใช้เวลาเดินทางมากตลอดจนวิ่งในเส้นทาง ตามนโยบายของรัฐ ส่วนเส้นทาง บขส. วิ่งร่วมกับรถร่วมนั้น เป็นเส้นทางที่ผู้โดยสารนิยมใช้บริการเป็นจำนวนมาก และ บขส. มีรถโดยสารให้บริการไม่เพียงพอ จึงเปิดโอกาสให้รถร่วมเข้ามาวิ่ง ขณะเดียวกัน บขส. ก็วิ่งในเส้นทางนั้น ๆ ด้วยเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่รถร่วม ในการให้บริการและเป็นการรักษาระดับคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสาร
สำหรับ เส้นทางที่ บขส. เปิดโอกาสให้รถร่วมเอกชนเดินรถโดยลำพังส่วนใหญ่จะเป็นเส้นทางในรถหมวด 3 และหมวด 4 ซึ่งเป็นเส้นทางระหว่างจังหวัดและภายในจังหวัด การดำเนินงานและการให้บริการของ บขส. เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละท้องถิ่นทำได้ยาก บขส. จึงให้สิทธิเดินรถแก่เอกชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในท้องถิ่น ดำเนินการแทน ซึ่งจะสามารถทราบและตอบสนองต่อความต้องการของผู้โดยสารได้ดีกว่า นอกจากนั้น บขส. ยังมีปัญหาเรื่องรถโดยสารไม่เพียงพอ จึงให้รถร่วมเอกชนดำเนินการแทน โดย บขส. จะทำหน้าที่วางกฎระเบียบและควบคุมดูแลการให้บริการรถร่วมเอกชนอีกต่อหนึ่ง ซึ่งเอกชนที่นำรถเข้ามาวิ่งจะต้องมีการทำสัญญากับ บขส. และเสียค่าธรรมเนียมในการนำรถเข้ามาวิ่งในเส้นทางของ บขส. โดยเสียเป็นค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมรายเที่ยว
2. รถร่วมเอกชน

                ภายหลังจากการดำเนินการรวมรถเอกชนให้เข้ามาอยู่ในการดูแลของ บขส. ในปี 2502 แล้วนั้น บขส. สามารถจัดระเบียบ การเดินรถทั้งของบริษัทเองและรถร่วมให้อยู่ในระเบียบที่ดีเพื่อให้เกิดความ เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งมีการสนับสนุนให้เกิดการรวมตัวระหว่างเจ้าหน้าที่ของรถ ร่วมรายย่อยให้อยู่ใน รูปของห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการให้บริษัทของรถบริษัทและรถร่วมให้มีความเจริญ ก้าวหน้ามากขึ้นจนในปัจจุบันมีเอกชนเข้าร่วมเป็นบริษัทรถร่วมประมาณ 7,455 คัน
ในการพิจารณาเพิ่มรถ จัดรถเข้าเดินในเส้นทางที่ได้รับอนุญาตขิง บขส. นั้น มีหลักปฏิบัติดังนี้
     1. การปรับปรุงจำนวนเที่ยว จำนวนรถให้อยู่ในดุลยพินิจของฝ่ายจัดการและนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อทราบและนำเสนอกรมการขนส่งทางบกพิจารณาอนุมัติต่อไป
     2. ในการเพิ่มจำนวนรถ ให้จัดรถของบริษัทเพิ่มก่อน หากบริษัทไม่มีนโยบายหรือไม่เพิ่มรถ บริษัทก็พิจารณาให้สิทธิกับเจ้าของรถร่วม โดยในการพิจารณาให้สิทธิเอกชนเข้ามาเดินรถในเส้นทางที่ได้รับอนุญาตของ บขส. นั้น บขส. มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
          2.1 บขส. จะพิจารณาการให้สิทธิของ บขส. ที่ถูกกระทบจากเส้นทางใหม่โดยตรงเป็นอันดับแรก ถ้าไม่มีรถร่วมรายใดถูกกระทบโดยตรง บขส. จะพิจารณาว่าจะนำรถบริษัทเข้ามาวิ่งในเส้นทางนี้หรือไม่ ถ้าไม่วิ่งจะให้สิทธิการร่วมเอกชนก็จะพิจารณาในข้อต่อไป
          2.2 ให้สิทธิแก่รถร่วมเอกชนที่ถูกผลกระทบโดยอ้อมจากเส้นทางที่เปิด
          2.3 พิจารณาให้สิทธิแก่รถโดยสารที่ไม่มีสิทธิวิ่ง แต่นำรถมาวิ่งในเส้นทางประจำ
          2.4 เจ้าของรถรวมที่ได้รับการพิจารณาจะต้องไม่มีหนี้สินค้างชำระกับบริษัท และจะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติตาม
กฎระเบียบของบริษัทเกี่ยวกับการจัดการเดินรถและสัญญารถร่วมด้วยดี
    
 3. สัญญารถร่วมและค่าธรรมเนียม เส้นที่ บขส. ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งจากกรมการขนส่งทางบก บขส.สามารถให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานได้โดย บขส.จะทำสัญญาให้เอกชนนำรถโดยสารเข้าวิ่งในเส้นทางที่ได้รับอนุญาต ซึ่งสัญญาที่จัดทำขึ้น จะมีอายุ 1 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาได้ทุกปี ตราบใดดที่รถร่วมไม่ได้กระทำผิดสัญญา โดยเอกชนที่นำรถเข้ามาร่วมวิ่งกับรถของ บขส.
รถร่วมเอกชนที่วิ่งในแต่ละเที่ยว บขส. จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 1 ที่นั่ง ต่อคันต่อเที่ยว ค่าธรรมเนียมรายเที่ยวที่ บขส.เรียกเก็บจากรถร่วมนั้น เนื่องจาก บขส. ต้องมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการจัดระเบียบการเดินรถ การสร้างสถานี รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เพื่อให้บริการแก่รถร่วม ทำให้ บขส.ต้องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายเที่ยวดังกล่าวจากรถร่วม

3. สถานีขนส่งผู้โดยสาร (Bus Terminal)
เป็นสถานที่ที่รถโดยสารจากหลาย ๆ สายมาจอดในบริเวณเดียวกันและมีบริการต่าง ๆ จัดไว้ให้ เช่น ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขา ห้องอาหาร เป็นต้น ไว้สำหรับการบริการผู้โดยสาร มีการเก็บค่าใช้สถานีตามประเภทของรถโดยสารตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก โดยกรมการขนส่งจะทำหน้าที่กำกับดูแลสถานีขนส่งต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ในปัจจุบัน บริษัทขนส่ง จำกัด มีสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการจากกรมการขนส่งทางบกจำนวน 7 แห่ง แบ่งเป็น กทม. จำนวน 3 แห่งคือ สถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิต 2, สถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย, สถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ ถ.บรมราชชนนี และสถานีในส่วนภูมิภาค 4 แห่งคือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุพรรณบุรี, อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ, อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดสุราษฏร์ธานี
นอกจากการบริการสถานีขนส่งผู้โดยสารจำนวน 7 แห่งแล้ว บริษัทฯ ยังมีที่ทำการสถานีเดินรถในส่วนภูมิภาคอีกจำนวน 117 สถานี

การนำเอาระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาช่วยบริหารงาน
บขส.เปิดบริการชำระค่าตั๋วผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า บขส. ได้ร่วมกับ บริษัท แอดวานซ์ เทคโนโลยี ซีสเต็มส์ จำกัด เพิ่มช่องทางการชำระค่าตั๋วโดยสารของรถโดยสาร บขส. ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยผู้โดยสารสามารถจองตั๋วโดยสาร ผ่าน Call Center 1490 เรียก บขส. หรือ  
0-2793-8111 , 0-2872-1777 ได้ล่วงหน้า 60 วัน และต้องจองก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 1 วัน จากนั้นผู้โดยสารจะได้รับรหัส 10 หลัก ไปชำระที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา ซึ่งผู้โดยสารต้องชำระเงินภายในเวลา 23.40 น. ของวันที่จอง หากไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนดระบบจะยกเลิกรายการจองอัตโนมัติ ทั้งนี้เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ผู้โดยสารสามารถนำใบสลิป 10 หลัก มาออกตั๋วโดยสารได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ก่อนเวลารถออก

สำหรับการคืนตั๋วโดยสารที่ได้มีการชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสแล้ว ผู้โดยสารสามารถนำตั๋วไปคืนได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ก่อนเวลารถออกไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

ในการจองตั๋วโดยสารนั้นสำหรับผู้สนใจนั้นสามารถจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ บขส. ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการโดยทาง บขส.จะมีการตรวจเช็คผ่านระบบอินเทอร์เน็ตตลอด เพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารทุกท่าน



ประโยชน์ที่ บขส.ได้รับจากการใช้ระบบอินเทอร์เน็ต

-      สามารถเชื่อมต่อได้จากระบบคอมพิวเตอร์เกือบทุกที่ทั่วโลก
-      ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับระบบงานภายในบริษัท
-      สร้างโปรแกรมประยุกต์ที่สามารถโต้ตอบได้ เช่น ข้อความ เสียง ภาพ
-      ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ตามความต้องการของบริษัท
-      ใช้งานง่าย มีส่วนติดต่อในรูปแบบเว็บไซต์
-      ลดค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่ข่าวสารให้กับผู้โดยสาร
 
 
ผลกระทบที่เกิดจากการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในบริษัท

-    ระบบอินเทอร์เน็ตอาจเกิดการผิดพลาดได้
-    ต้นทุนการจัดการระบบในบริษัทสูง
-    ระบบรักษาความปลอดภัยไม่มีความหน้าเชื่อถือ
-    ทำให้ความสัมพันธ์ของบุคลากรในบริษัทเสื่อมลง
-    ทำให้เกิดความเสี่ยงทางด้านการเงินในบริษัท